กล้องวงจรปิด
กำลังมองหา กล้องวงจรปิด CCTV เพื่อจะมาติดตั้งไว้ที่บ้านควรจะเลือกกล้องวงจรปิด ยี่ห้อไหนดี และเมื่อติดตั้งไปแล้วช่างกล้องจะไม่ทิ้งลูกค้าเมื่อติดปัญหา ปัจจุบันกล้องวงจรปิดก็มีทั้งแบบที่ราคาถูกมากๆ จนไม่กล้าซื้อก็มี หรือบางรุ่นราคาก็แพงเกินไป วันนี้เราจะมาแน่ะนำวิธีการเลือกกล้องวงจรปิดที่จะมาติดตั้งที่บ้านกันครับ
กล้องวงจรปิดในขณะนี้ได้พัฒนาระบบที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นระบบการแจ้งเตือน การบันทึกภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้น และรวมทั้งการประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้บันทึกภาพได้นานขึ้น เพราะสามารถถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ชัดเจน โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในเมือง ยิ่งบ้านเมืองมีความเจริญมากขึ้น เจ้าของบ้านก็ต้องมีการตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ซื้อของใช้ของตกแต่งบ้าน ซื้อรถใหม่เข้าบ้าน แต่ในอีกมุมหนึ่งเมื่อมีคนรวยเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันก็ยังมีโจรเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แม้แต่บางคนจอดรถไว้หน้าบ้าน ล้อแม็คก็ยังหายได้ตามที่เป็นข่าวทางทีวี วันนี้จะมาแน่ะนำวิธีการเลือก กล้องวงจรปิด CCTV มาติดตั้งในบ้าน ไม่ว่าจะติดตั้งเองหรือให้ช่างติดตั้งให้แล้วแต่ตามสะดวก สำหรับการเลือกกล้องว่าจะซื้อกล้องยี่ห้อไหนดี ราคาเท่านี้แพงไปไม หรือจะซื้อแบบกล้องวงจรปิดราคาถูกๆ มาดูแต่ละข้อกันเลยครับ
วิธีเลือกซื้อกล้องวงจรปิด ควรดูจากอะไรบ้าง
1. รูปทรงของกล้อง รูปลักษณ์หน้าตาของกล้องวงจรปิด ดูว่ากล้องรุ่นมีรูปร่างใหญ่หรือเล็กไปไม สำหรับลูกค้าบางคนที่ต้องการเอาไปติดตั้งภายในบ้านก็ควรจะเลือกเป็นกล้องโดม (Dome) เพื่อความสวยงามเวลาติดตั้งภายในบ้าน หรือถ้าเป็นกล้องกระบอก (Bullet) ก็จะเหมาะสำหรับติดตั้งภายนอก เพื่อป้องกันโจรใช้ไม้ฟาด หรือตีกล้องแตกได้ ซึ่งก็มีกล้องบางรุ่นที่ได้พัฒนาเพื่อป้องกันการกระแทก Body ทำจากโลหะ และใช้กระจกที่มีความแข็งแรงกว่าเดิม
2.ระยะอินฟาเรด กล้องวงจรปิดทั่วไปควรจะมีระยะอินฟาเรดตั้งแต่ 15-20 เมตรขึ้นไป โดยเฉพาะกล้อง Bullet ที่ติดตั้งภายนอก ระยะอินฟาเรดยิ่งไกลยิ่งดี เพราะกล้องบางตัวอาจจะติดตั้งระเบียงบ้านภายนอกเพื่อส่องไปยังประตูหน้าบ้าน ถ้าเป็นบ้านที่มีความสูง หากระยะอินฟาเรดใกล้เกินไปจะไม่สามารถถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ แต่ถ้าเป็นกล้องโดม ติดตั้งภายในบ้านระยะอินฟาเรด 10-20 เมตร ก็สามารถส่องได้ทั่วถึง ปัจจุบันมีกล้องที่สามารถถ่ายได้แม้ในที่มีแสงสว่างเพียงน้อยนิดก็ยังสามารถถ่ายเป็นภาพสีได้ก็คือ กล้องวงจรปิด Starlight นั้นเอง
3.การป้องกันน้ำ โดยเฉพาะกล้องกระบอก (Bullet) ที่จะต้องได้รับมาตรฐานการป้อง IP65 ,IP66 , IP67 ที่สามารถป้องกันน้ำฝน เพื่อไม่ให้กล้องเกิดความเสียหาย สามารถดูได้ที่สเปคกล้องจะมีมาตรฐานบอก IP ว่ากล้องรุ่นนี้สามารถติดตั้งภายนอกกันน้ำได้ หรือถ้าไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามกับร้านที่จะซื้อได้เลยครับ ถ้ากลัวคนขายโกหกก็ดูได้จากสเปคที่มากับตัวกล้องอีกทีก็ได้เช่นกัน ซึ่งกล้องประเภทนี้มักจะติดตั้งตามระเบียงใต้ชายคาบ้าน หรือไม่ก็อาจจะติดตั้งตามแนวรั้วบ้านซึ่งจะต้องตากแดด ตากฝนตลอดเวลา
4.การรับประกันสินค้า ส่วนมากกล้องวงจรปิดตอนนี้ระยะเวลาในการรับประกันสินค้าส่วนมากก็จะอยู่ที่ 2-3 ปีขึ้นไป เป็นการแข่งขันกันทางตลาดกล้องแต่ละยี่ห้อด้วยเช่นกัน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสะบายใจว่าเมื่อลูกค้าซื้อไปใช้งานหากกล้องมีปัญหาในระยะเวลา 2-3 ปี นี้ก็ยังสามารถส่งมาเคลมกับทางบริษัทได้ แต่ส่วนใหญ่ที่พบเจอจะเป็นปัญหาที่ตัว Adapter12V ที่ใช้จ่ายไฟให้กับกล้องซะส่วนใหญ่ที่เสีย เพราะต้องจ่ายไฟเลี้ยงให้กล้องตลอดเวลา
5.WDR ข้อสุดท้ายที่บางครั้งลูกค้าหรือแม้กระทั้งช่างที่นำไปติดตั้งให้ลูกค้าเองก็ตาม มุมกล้องบางตำแหน่งที่จะต้องติดตั้งบางครั้งอาจจะโดนแสงจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามายังหน้าบ้าน ที่หลายๆคนลืมนึกไปว่าตำแหน่งนี้กล้องจะต้องถ่ายภาพย้อนแสงด้วย ซึ่งกล้องบางรุ่นจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้ในการช่วยตัดแสง ภาพที่ออกมาก็จะเป็นภาพจ้า สีขาว มองอะไรแทบไม่เห็น แต่กล้องที่มีฟังก์ชั่น WDR ก็มีราคาแพงกว่ากล้องปรกติไปอีกนิดนึง เพราะฉะนั้นเราควรจะเลือกกล้องให้เหมาะสมกับมุมภาพแต่ละมุมที่ต้องการบันทึกภาพ ก็จะหมดปัญหานี้ไป
กล้องวงจรปิด ถือได้ว่ามีความสำคัญในการปกป้องบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนผ่านมือถือ รวมทั้งการดูกล้องผ่านมือถือออนไลน์ในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน หากเกิดเหตุไม่คาดคิดมีโจรเข้ามาในบ้าน กล้องวงจรปิด CCTV ยังสามารถส่งไฟล์ภาพวิดีโอ แจ้งเตือนผ่านมือถือไปยังเจ้าของบ้าน รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในบางกรณีที่เราฝากบ้านไว้กับตำรวจ ตำรวจก็จะมาได้ทันเวลา (ยี่ห้อ AVTECH สามารถแจ้งเตือนผ่าน App ด้วยฟังก์ชั่น Push Video , ส่วนยี่ห้อ INNEKT สามารถแจ้งเตือนผ่าน Line ได้เช่นกัน ) ถ้าโจรยกเครื่องบันทึกไปด้วยละจะทำยังไง บางยี่ห้อสามารถดูย้อนหลังผ่าน cloud P2P ย้อนหลังได้ไม่เกินสามวัน ก็ยังพอจะนำภาพไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อได้อีกด้วย
There are 238 products.